1.ตอนทราบรายชื่อผู้เล่นหงส์แดง แล้วปรากฏว่าไม่มีทั้ง ดาร์วิน นูนเญซ กับ โม ซาล่าห์ บนม้านั่งสำรอง เรียนตามตรงว่าน่าหวั่นใจแทนพวกพรี่ๆ เขายิ่งนัก
เชลซี เลยดูเหนือกว่าในเรื่องความพร้อมของตัวผู้เล่น
เมื่อนักเตะสิงห์บลูส์ทั้งเข้าบอลหนัก และเบรคเกมชัดเจน แต่กลับรอดพ้นการโดนใบเหลือง ทั้งๆ ที่สามารถควักให้ได้โดยชอบธรรม
อย่างไรก็ตาม
จังหวะที่ ไรอัน กราเฟนแบร์ค ถูก มอยเซส ไกเซโด้ เหยียบ ขอโทษนะครับที่ผมดันมองว่ามันเป็นเรื่องของจังหวะซะมากกว่าจึงไม่ถึงกับเป็นใบแดง
ตอนแรกก็งงว่าล้ำหน้ายังไง ???
ต่อเมื่อดูภาพช้าก็พบว่า วาตารุ เอ็นโด อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ก่อนที่จะขยับเข้ามาบล็อค ลิวาย โควิลล์ มิให้เข้าไปช่วยสกัดบอลจริงๆ
VAR มันจะ "จุกจิก" แบบนี้แหละครับ ถ้าจำไม่ผิด กรณีแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในซีซั่นที่แล้ว เมื่อ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าแล้วไปขัดขวางการเล่นของคู่แข่ง สุดท้ายก็ถูกยึดประตูคืนเช่นกัน
กระทั่งช่วง 10 นาทีสุดท้ายที่แผ่วลงไปกลายเป็น เชลซี ที่สามารถบุกกดดันได้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ทำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ
เมื่อเขาถอดตัวหลักอย่าง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ โคดี้ คักโป ออกแล้วส่งนักเตะวัยละอ่อนต่อโลกอย่าง เจย์เดน แดนส์ กับ เจมส์ แม็คคอนเนลล์ ลงไปแทน
แถมก่อนหน้านี้ก็ส่ง บ๊อบบี้ คลาร์ก ลงไปแล้วคนหนึ่ง รวมถึงส่ง ยาเรลล์ ควอนซ่าห์ ลงในช่วงต่อเวลาพิเศษอีกคน
ถือเป็นการเปลี่ยนตัวที่บ้าบิ่นเหลือแดก
แล้วในช่วงต่อเวลาพิเศษ พวกเด็กหงส์เหล่านี้ก็ช่วยให้ ลิเวอร์พูล มีพละกำลังและเรี่ยวแรงที่เหนือกว่าจนกลายเป็นตัวตัดสินเกม
ลุยส์ ดิอาซ น่าทึ่งมากที่กระชากลากเลื้อยแบบไม่รู้จักเหน็ดไม่รู้จักเหนื่อยตลอดทั้งเกม
แต่ "พระเอกตัวจริง" ของเกมที่ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์รายการนี้ ไม่ใช่ผู้เล่นที่อยู่บนฟลอร์หญ้า